top of page

ไวรัสตับอักเสบซี คืออะไร? รู้ทันโรคก่อนลุกลาม

ไวรัสตับอักเสบซี คืออะไร? รู้ทันโรคก่อนลุกลาม

ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus : HCV) คือ หนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคตับอักเสบเรื้อรัง ที่อาจลุกลามไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับในระยะยาว แม้ว่าโรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ปัญหาหลักคือผู้ติดเชื้อมักไม่รู้ตัว เพราะอาการในระยะเริ่มต้นแทบไม่มีหรือมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้การวินิจฉัยช้า และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันประเทศไทยให้ความสำคัญกับการป้องกันและตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ ซึ่งมีการให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาในสถานพยาบาลคุณภาพ เช่น ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ ที่ให้บริการแบบเป็นมิตร และมีความเป็นมืออาชีพสูง

ไวรัสตับอักเสบซี คืออะไร และทำไมจึงเป็นปัญหาสาธารณสุข ?

ไวรัสตับอักเสบซี เป็นไวรัสที่แพร่ผ่านทางเลือดเป็นหลัก และมีความสามารถในการก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังในตับได้มากถึง 70–85% ของผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมด ต่างจากไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น HCV ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน จึงทำให้การควบคุมโรคนี้ต้องพึ่งพาการตรวจคัดกรอง การวินิจฉัยและการรักษาเป็นหลัก ในระดับโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ HCV ประมาณ 58 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของ HCV มากกว่า 290,000 คนต่อปี ข้อมูลในประเทศไทยยังแสดงให้เห็นว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างเชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อเรื้อรังในกลุ่มประชากรบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่เคยรับเลือดก่อนปี 2535 หรือผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องเร่งรัดการคัดกรองและรักษาอย่างจริงจัง

ไวรัสตับอักเสบซี อาการของโรคในแต่ละระยะ

ไวรัสตับอักเสบซี อาการของโรคในแต่ละระยะ

อาการของ HCV แบ่งได้เป็น 2 ระยะ ได้แก่

1. ระยะเฉียบพลัน (Acute Phase) เกิดขึ้นภายใน 2–12 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการชัดเจน อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ ปัสสาวะสีเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง ในบางราย

2. ระยะเรื้อรัง (Chronic Phase) ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ภาวะเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว และยังคงสามารถแพร่เชื้อได้ อาการอาจยังคงไม่ชัดเจนหรือมีอาการเรื้อรัง เช่น

  • อ่อนเพลียเรื้อรัง

  • ปวดใต้ชายโครงขวา

  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

  • อารมณ์แปรปรวน

หลังจากติดเชื้อเรื้อรังมาเป็นเวลาหลายปี เชื้อไวรัสอาจทำให้เกิดภาวะตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับ ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสเสียชีวิตสูง

ไวรัสตับอักเสบซี ติดต่อกันได้อย่างไร ?

HCV แพร่กระจายผ่านทางเลือดของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายของผู้อื่น การติดเชื้อส่วนใหญ่มักเกิดจาก

  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้เสพยา

  • การรับเลือดที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรองก่อนปี 2535 (พบได้น้อย)

  • การสัก เจาะร่างกาย หรือทำฟันในสถานพยาบาลที่ไม่มีมาตรฐานปลอดเชื้อ

  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่มีการป้องกัน แม้จะพบโอกาสต่ำกว่าการติดเชื้อทางเลือดโดยตรง

เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย มันจะเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับและเริ่มทำลายเซลล์ตับเรื่อย ๆ แบบช้า ๆ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใด ๆ ในช่วงแรก จนกระทั่งเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานนับสิบปี

กลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับการตรวจไวรัสตับอักเสบซี

  • ผู้ที่เคยได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดก่อนปี 2535

  • ผู้ที่เคยใช้ยาเสพติดชนิดฉีด หรือมีประวัติใช้เข็มร่วม

  • ผู้ที่เคยได้รับการสัก เจาะร่างกาย หรือทำฟันในสถานบริการที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม

  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือมีประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

  • ผู้ที่มีผลเลือดแสดงภาวะตับอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ผู้ที่ติดเชื้อ HIV

  • บุคลากรทางการแพทย์ที่มีโอกาสสัมผัสเลือดผู้ป่วย

วิธีการตรวจวินิจฉัย ไวรัสตับอักเสบซี

วิธีการตรวจวินิจฉัย ไวรัสตับอักเสบซี

การตรวจหา HCV ต้องทำผ่านการตรวจเลือด โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

  1. ตรวจแอนติบอดีต่อ HCV (Anti-HCV): เป็นการตรวจเพื่อดูว่าร่างกายเคยสัมผัสกับเชื้อหรือไม่ หากผลเป็นบวก แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อ HCV มาก่อนหรือกำลังติดเชื้อ

  2. ตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส (HCV RNA): เพื่อยืนยันว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกายจริงหรือไม่ เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยว่าติดเชื้อเรื้อรังหรือไม่

  3. ตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์ของ HCV (Genotype): เพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากยารักษาบางชนิดมีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามชนิดของสายพันธุ์

  4. ตรวจค่าการทำงานของตับ เช่น ALT, AST, Fibroscan หรือ Liver Biopsy: เพื่อตรวจสอบความเสียหายของตับ และติดตามผลการรักษา

วิธีป้องกันไวรัสตับอักเสบซีในชีวิตประจำวัน

  • หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ

  • ใช้ถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองผู้อื่น

  • เลือกรับบริการจากสถานเสริมความงามหรือสถานพยาบาลที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง

  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้สารเสพติดชนิดฉีด

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน

  • ตรวจเลือดเป็นประจำ โดยเฉพาะหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

แนวโน้มและการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสตับอักเสบซีในประเทศไทย

ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการกำจัดไวรัสตับอักเสบซีให้หมดไปภายในปี 2030 โดยผ่านการดำเนินงาน 3 เสาหลัก ได้แก่ การคัดกรองที่ครอบคลุม, การเข้าถึงการรักษา และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ในจังหวัดเชียงใหม่มีการขับเคลื่อนโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเพิ่มการตรวจคัดกรองให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ต้องขัง, กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย, ผู้ใช้ยาเสพติด และผู้ป่วย HIV ที่มีความเสี่ยงร่วม นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่อาจเคยได้รับเลือดหรือรับบริการทางการแพทย์ในช่วงที่ระบบการคัดกรองยังไม่พัฒนาเท่าปัจจุบัน

ไวรัสตับอักเสบซี กับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน

ไวรัสตับอักเสบซี กับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน

การรักษาไวรัสตับอักเสบซีในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสแบบตรงจุด (DAAs: Direct-Acting Antivirals) ซึ่งมีอัตราการรักษาหายถึง 95% และมีผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับการใช้ยาแบบเก่า เช่น อินเตอร์เฟอรอน การรักษาจะใช้เวลาประมาณ 8–12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของสายพันธุ์ไวรัสและระดับความเสียหายของตับ โดยในประเทศไทย ยาบางชนิดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ในราคาย่อมเยา หรือไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยในระบบประกันสุขภาพ

นอกจากนี้ คลินิกเอกชนคุณภาพ เช่น ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ ยังให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาด้วยความเป็นส่วนตัวสูง และมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

ความสำคัญของการตรวจและรักษา ไวรัสตับอักเสบซีที่ ฮักษาคลินิก เชียงใหม่

ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานพยาบาลที่ให้ความสำคัญกับการตรวจและรักษาโรคติดเชื้ออย่างไวรัสตับอักเสบซี โดยเน้นความแม่นยำ รวดเร็ว และให้บริการที่ปลอดภัยแก่ผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย

คลินิกมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคติดต่อและระบบตับ พร้อมเครื่องมือตรวจวิเคราะห์คุณภาพสูง สำหรับประเมินภาวะพังผืดในตับ และการให้คำปรึกษาด้านการรักษาแบบองค์รวม ทั้งในกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มทั่วไป นอกจากนี้ ฮักษาคลินิกยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านการป้องกัน และตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบอื่น ๆ เช่น HBV และ HIV อย่างครบวงจร พร้อมการรักษาแบบไม่ตีตรา

อ่านบทความอื่นๆ

ช่องทางการติดต่อเรา

  • ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่

  • ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่

  • เปิดบริการทุกวัน

    • จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.

    • เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.

  • สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)

  • เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988

  • แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share

  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me

ไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที แม้จะเป็นไวรัสที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ด้วยการรักษาด้วยยา ที่มีประสิทธิภาพสูง และการขยายบริการตรวจคัดกรองในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เช่น ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ ทำให้โอกาสในการควบคุมโรคนี้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ เพื่อป้องกันโรคในระยะยาว

อ้างอิง

  • World Health Organization (WHO). Global Hepatitis Report 2024. https://www.who.int

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการดูแลรักษาไวรัสตับอักเสบซี. https://ddc.moph.go.th


Comments


Commenting on this post isn't available anymore. Contact the site owner for more info.

77/7 ถ.คชสาร ต.ช้างคลาน อ.เมือง เชียงใหม่ ประเทศไทย
hugsacm@gmail.com

bottom of page